โรคแอนแทรกซ์

โรคแอนแทรกซ์ คืออะไรโรคแอนแทรกซ์ เป็นโรคติดเชื้อแบคทีเรียบาซิลัส แอนทราซิส (Bacillus anthracis) ซึ่งเป็นเชื้อแบคทีเรียแกรมบวก รูปร่างเป็นเส้นยาวรี (Gram positive rod) มักพบในดินและอาจทำให้เกิดการติดเชื้อในสัตว์ที่เลี้ยงในบ้าน หรือสัตว์ป่าได้ โรคนี้พบได้ทั่วโลก แต่เร็ว ๆ นี้มีข่าวการระบาดในประเทศเพื่อนบ้านของไทยจึงทำให้มีคนสนใจมากขึ้น และแนะนำให้เฝ้าระวังกัน โดยคนเราสามารถรับเชื้อนี้ได้ จากการสัมผัสสัตว์ที่ติดเชื้อ รวมทั้งผลิตภัณฑ์จากสัตว์ต่างๆ เช่น ผม ขน เนื้อ หรือนม เป็นต้น แต่แอนแทรกซ์จะไม่สามารถติดต่อจากคนสู่คนได้เราติดโรคแอนแทรกซ์ได้อย่างไรคนเราสามารถติดได้เมื่อสปอร์ของแบคทีเรียหลุดเข้ามาในร่างกายเพาะตัวขึ้นเกิดการแบ่งตัว และแพร่กระจายไปยังส่วนอื่นๆ ของร่างกาย แบคทีเรียจะผลิตสารพิษ (Toxins) และทำให้เกิดอาการที่รุนแรงได้สปอร์สามารถเข้าร่างกาย ทั้งทางการหายใจ การโดนบาดหรือมีแผลที่ผิวหนัง ดื่มน้ำ หรือกินอาหารที่ปนเปื้อน โดยเฉพาะนมที่ไม่ผ่านการพาสเจอร์ไรซ์ หรืออาหารสุกดิบ นอกจากนี้ ผู้ที่ทำงานเกี่ยวข้องกับสัตว์หรือผลิตภัณฑ์จากสัตว์ ก็มีความเสี่ยงสูงโรคแอนแทรกซ์ มีอาการอย่างไรโรคแอนแทรกซ์ แบ่งออกเป็น 4 ชนิด ซึ่งจะมีอาการแสดงแตกต่างกัน เนื่องจากสปอร์ของแบคทีเรียสามารถเข้าสู่ร่างกายคนได้หลายทาง อาการจึงสามารถแบ่งได้ดังนี้แอนแทรกซ์ในทางเดินหายใจ มักเกิดจากที่สูดดมเชื้อแบคทีเรียเข้าไป มักพบในคนที่สัมผัสผลิตภัณฑ์จากสัตว์ที่มีการปนเปื้อน เช่น ในอุตสาหกรรมที่มีการตัดขนสัตว์ หรือแปรรูปขนสัตว์ให้เป็นเสื้อผ้า มีรายงานในคนที่ตีกลองขนสัตว์ (Animal hide drums) เป็นต้น มักมีอาการไข้ หนาวสั่น อึดอัดแน่นหน้าอก ไอ ปวดศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน สับสน มึนหัว เหงื่อออกมากจนชุ่ม อ่อนเพลียมาก และปวดเมื่อยตามตัวแอนแทรกซ์ที่ผิวหนัง มักเกิดจากการปนเปื้อนที่ผิวหนังที่รอยตัด หรือแผลถลอก มีตุ่มหนองซึ่งมักจะคัน รอบแผลจะมีอาการบวมมาก ต่อมามักพบแผลลึกที่มีศูนย์กลางเป็นสีดำ ซึ่งระยะนี้มักจะไม่คัน ส่วนมากแผลมักพบที่บริเวณหน้า คอ แขน หรือมือ เพราะมักเป็นส่วนที่สัมผัสนอกร่มผ้าแอนแทรกซ์ในทางเดินอาหาร มักเกิดจากการกินอาหารสุกดิบ หรือน้ำนมที่ไม่ผ่านการฆ่าเชื้ออย่างเหมาะสม โดยเฉพาะในประเทศที่อาจไม่ได้มีการฉีดวัคซีนต้านแอนแทรกซ์ในปศุสัตว์อย่างสม่ำเสมอ หรือไม่ได้มีการตรวจก่อนทำการชำแหละเนื้อมาขายหรือบริโภค ผู้ติดเชื้อมักมีอาการไข้ หนาวสั่น เจ็บคอเวลากลืน เสียงแหบ คอบวม ต่อมน้ำเหลืองบริเวณคอโต คลื่นไส้อาเจียน บางครั้งอาจมีอาเจียนเป็นเลือด หน้าแดง ตาแดง ปวดท้อง ปวดศีรษะ ถ่ายเหลว ถ่ายเป็นเลือด ท้องบวม หรือหมดสติเป็นลมได้แอนแทรกซ์จากการฉีดยาเข้าเส้น พบได้น้อย แต่มีรายงานในยุโรป ในผู้ติดยาเสพติดแบบฉีดเข้าเส้น เช่น เฮโรอีน อาจมีไข้ หนาวสั่น ที่ผิวหนังบริเวณที่ฉีดมักพบเป็นกลุ่มฝีหนองขนาดเล็กหรือผิวที่บวมขึ้นมา ต่อมาค่อยมีแผลตรงกลางสีดำที่ไม่เจ็บ แต่บวมรอบแผล ถ้าฉีดลึกอาจมีฝีหนองขนาดใหญ่ใต้ชั้นผิวหนังได้ แม้อาการจะคล้ายกลุ่มแอนแทรกซ์ที่ผิวหนัง แต่อาจจะทำให้เกิดการกระจายได้อย่างรวดเร็วเมื่อเชื้อเข้ากระแสเลือดโรคแอนแทรกซ์ มีวิธีการตรวจวินิจฉัยอย่างไร>แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการที่สงสัย ร่วมกับความเสี่ยง หากเกิดจากการหายใจ ควรตรวจเอกซเรย์ หรือ การตรวจซีทีสแกน โดยอาจเห็นมีน้ำในปอด หรือ ช่องอกที่กว้างขึ้น (Mediastinal widening)การวินิจฉัยยืนยันสามารถทำได้โดยการวัดแอนติบอดีหรือระดับพิษในเลือด หรือตรวจแบคทีเรียบาซิลัส แอนทราซิสในสิ่งส่งตรวจ ซึ่งได้แก่ เลือด ผิวหนังที่มีรอยโรค น้ำไขสันหลัง เสมหะ หรือน้ำในปอด โดยหากเก็บสิ่งส่งตรวจก่อนให้ยาปฏิชีวนะ จะทำให้มีโอกาสสามารถพบเชื้อได้มากขึ้นโรคแอนแทรกซ์ มีวิธีการรักษาอย่างไรรักษาได้ด้วยยาปฏิชีวนะ ได้แก่ เพนนิซิลิน ด๊อกซีไซคคลิน หรือกลุ่มควิโนโลน นอกจากนี้ยังมียาที่ต้านพิษที่สร้างจากเชื้อและเป็นยาปฏิชีวนะด้วย คือ คลินดาไมซิน ลิเนโซลิดบางรายอาจต้องใช้ยาปฏิชีวนะหลายขนานหากมีอาการรุนแรง เช่น ถ้าติดเชื้อในเยื่อหุ้มสมอง ต้องใช้ยาอย่างน้อย 3 ตัว โมโนโคลนอลแอนติบอดี (Monoclonal antibody) และอิมมูโนโกลบูลิน (Immunoglobulin) ที่จำเพาะกับเชื้อก็มีการนำมาใช้ด้วยผู้ป่วยบางรายแม้ว่าจะฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้แล้ว แต่พิษจากเชื้ออาจยังมีผลรุนแรงที่ต้องนอนในหอผู้ป่วยวิกฤต หรือต้องใส่ท่อช่วยหายใจ

เตือนคนไทย ระวัง โรครว้ายๆ วัยทำงาน

ที่ผ่านมา #โรครว้ายๆวัยทำงาน รวบรวมหลากหลายอาการ และโรคภัยที่เกี่ยวข้องกับวัยทำงานมาตลอด.เพราะในการทำงาน มีหลากหลายปัจจัยที่อาจทำให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพเช่น การยกของหนักบ่อยๆ ความเครียด สัมผัสสารเคมีอันตราย รังสี และอื่นๆ อีกมากมาย.แต่คำถามที่น่าสนใจก็คือ‘แล้วเราจะรู้ได้อย่างไร? ว่าโรคหรืออาการที่เราอาจเป็นอยู่นั้นมีสาเหตุมาจากการทำงาน’.เพราะถ้าหากรู้สาเหตุของโรคหรืออาการจะช่วยให้เราได้รับการรักษาและดูแลได้อย่างตรงจุดมากขึ้น.และนี่ก็คือ เช็คลิสต์ 4 ข้อ สำหรับสังเกตโรค/อาการที่มีสาเหตุจากการทำงาน. 1. ‘รู้สึก’ ว่าการเจ็บป่วยของเราเกี่ยวกับการทำงาน 2. อาการป่วยขณะทำงานหรืออยู่ที่บ้านมีความ ‘แตกต่างกัน’ 3. ‘เพื่อนร่วมงาน’ ของเรามีอาการคล้ายๆกัน 4. ‘มีอาการมากขึ้น’ เวลามาทำงาน.ถ้าคุณตอบว่าใช่จาก 1 ใน 4 ข้อนี้แสดงว่าการอาการป่วยเหล่านั้น อาจมีสาเหตุมาจาก ‘การทำงาน’ .โดยสามารถขอคำปรึกษา หรือตรวจวินิจฉัยรักษาเพิ่มเติมได้ที่คลินิกโรคจากการทำงาน โรงพยาบาล ในพื้นที่ทั่วประเทศ.ที่มา:กองโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข

ขอขอบคุณคุณดนัย เกษเมธีการุณ ในนามร้านอมรชัยโฮมมาร์ท

#โรงพยาบาลห้วยแถลง ขอขอบคุณคุณดนัย  เกษเมธีการุณ  ในนามร้านอมรชัยโฮมมาร์ท บริจาคเครื่องทำน้ำร้อน-น้ำเย็น จำนวน 1 เครื่อง ราคา 18,000 บาท

ขอขอบคุณ ห้างหุ้นส่วนจำกัดธีระยุทธ์ ก่อสร้าง

#โรงพยาบาลห้วยแถลง ขอขอบคุณ ห้างหุ้นส่วนจำกัดธีระยุทธ์ ก่อสร้าง บริจาคเงินให้โรงพยาบาลห้วยแถลงในวันที่  27 กุมภาพันธ์ 2568 จำนวนเงิน 15,000 บาท

โรคไข้ดำแดง (Scarlet fever)

โรคไข้ดำแดงหรือ scarlet fever  เป็นโรคที่เกิดจากพิษของเชื้อแบคที่เรียชื่อเสตร็ปโตคอสคัสชนิดเอ ทำให้มีผื่นแดง   ตามตัวร่วมกับคอหอยหรือทอนซิลอักเสบ พบบ่อยในช่วงอายุระหว่าง 5-15 ปี ปัจจุบันพบโรคนี้ได้น้อยลงมากเนื่องจากผู้ป่วยได้รับยาปฏิชีวนะตั้งแต่ระยะแรกเริ่ม   เชื้อสเตร็ปโตคอสคัสชนิดเอ คืออะไร เชื้อแบคทีเรีย เสตร็ปโตคอสคัสชนิดเอ (Streptococcus group A) เป็นเชื้อก่อโรคสำคัญของคอหอยอักเสบ เชื้อนี้   สามารถสร้างสารพิษเรียกว่า อิริโทรเจนิกท๊อกซิน (Erythrogenic toxin) ซึ่งเป็นทำให้เกิดผื่นในไข้อีดำอีแดง โรคอื่นๆที่เกิดจากการติดเชื้อนี้ได้แก่ โรคติดเชื้อผิวหนัง โรคหัวใจรูมาติก เป็นต้น    ติดต่อได้อย่างไร   เชื้อชนิดนี้จะมีอยู่ในน้ำลาย เสมหะหรือสารคัดหลั่งของผู้ป่วย เช่น น้ำมูก สามารถติดต่อได้โดยการหายใจสูดเอา   ละอองฝอยของเสมหะที่ผู้ป่วยไอหรือจามรดหรือติดต่อโดยการสัมผัสโดยตรงผ่านทางมือผู้ป่วย สิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ เช่น แก้วน้ำ จาน ชาม ผ้าเช็ดหน้า เป็นต้น   อาการเป็นอย่างไร  แรกเริ่มผู้ป่วยจะมีไข้สูงฉับพลัน หนาวสั่น ปวดศีรษะ อ่อยพลีย ปวดเมื่อยตามตัวและเจ็บคอ อาจพบตุ่มสีแดงที่ลิ้น คล้ายผลสตรอเบอรี่ ทอนซิลก็จะบวมแดงและมีหนอง อาจคลำได้ต่อมน้ำเหลืองที่ข้างลำคอโต หลังจากมีไข้ 1-2 วัน ผู้ป่วยจะเริ่มมีผื่นแดงขึ้นบริเวณรอบคอ หน้าอก และกระจายไปตามลำตัวและแขนขาอย่างรวดเร็วภายใน 24 ชั่วโมง  ผู้ป่วยบางรายอาจจะมีผื่นเป็นอาการแรกก็ได้ ผื่นจะมีลักษณะเป็นเม็ดหยาบๆเมื่อลูบจะรู้สึกสากๆคล้ายกระดาษทราย มักจะไม่ขึ้นที่ใบหน้า แต่อาจจะพบในลักษณะที่แก้มแดงและรอบปากซีด อาจจะมีอาการคันบริเวณผื่นได้ ต่อมาผื่นจะมีสีเข้มขึ้นบริเวณรอยพับตามผิวหนัง โดยเฉพาะที่ข้อพับแขน เรียกว่า เส้นพาสเตีย (Pastia’ s line)  หลังจากผื่นขึ้น 3-4 วันจะเริ่มจางหายไป หลังจากผื่นจางได้ 1 สัปดาห์จะมีอาการลอกเป็นแผ่นของผิวหนังบริเวณรักแร้ ขาหนีบ ปลายนิ้วมือเท้า ส่วนตามลำตัวมักลอกเป็นขุยๆ อาการผิวลอกนี้บางรายอาจจะพบติดต่อกันได้นานเป็นเดือนอาการแทรกซ้อนที่สำคัญได้แก่ โรคไข้รูมาติกและหน่วยไตอักเสบเฉียบพลันซึ่งมักเกิดหลังต่อมทอนซิลอักเสบประมาณ 1-4 สัปดาห์ (เกิดจากปฏิกิริยาของแอนติบอดีที่ถูกกระตุ้นด้วยเชื้อสเตร็ปโตคอคคัสชนิดเอต่ออวัยวะต่างๆของร่างกาย)วินิจฉัยได้อย่างไรโรคนี้สามารถวินิจฉัยได้จากประวัติและอาการแสดงของโรคเป็นหลัก การส่งตรวจเพิ่มเติมเพื่อยืนยันการติดเชื้อชนิดนี้ ได้แก่ การเพาะเชื้อจากคอหอยผู้ป่วยซึ่งใช้เวลาอย่างน้อย 3-4 วันหรือการตรวจหาเชื้อจากคอหอยโดยวิธี rapid strep test ซึ่งใช้เวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมงแต่สามารถส่งตรวจได้บางโรงพยาบาลเท่านั้น  การรักษาทำอย่างไรรักษาที่ด้วยยาปฏิชีวนะ ได้แก่ เพนนิซิลิน(Penicillin) อะมอกซิซิลิน (Amoxycillin) หรืออิริโทรมัยสิน (Erythromycin) เป็นเวลา 10 วัน และแม้อาการจะหายไปภายใน 3-4 วันก็ต้องรับประทานยาต่อไปจนครบ 10 วันเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโรคไข้รูมาติกและหน่วยไตอักเสบแทรกซ้อนให้การรักษาตามอาการอื่นๆที่ตรวจพบ แนะนำให้นอนพักผ่อน ดื่มน้ำมากๆควรกลับมาพบแพทย์เมื่อได้รับการรักษาแล้วกลับเกิดภาวะแทรกซ้อนตามมา ได้แก่ มีไข้ร่วมกับอาการเหนื่อยง่าย ปวดข้อ หรือตุ่มหรือก้อนที่ใต้ผิวหนัง หรือมีอาการบวม ปัสสาวะเป็นสีแดงหรือเลือดปน เป็นต้นระยะเวลาการติดต่อและควรหยุดโรงเรียนนานแค่ไหนควรให้หยุดเรียนหรือแยกตัวออกจากผู้อื่นจนกว่าได้ยาปฏิชีวนะไปแล้วอย่างน้อย 24 ชั่วโมงจึงจะไม่แพร่เชื้อให้ผู้อื่นการป้องกันทำได้อย่างไรเนื่องจากยังไม่มีวัคซีนเพื่อป้องกันการติดเชื้อสเตร็ปโตคอสคัสชนิดเอ การป้องกันการติดเชื้อจึงสามารถทำได้โดยปฏิบัติดังต่อไปนี้ดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ ดัวยการรับประทานอาหารที่ประโยชน์ครบ 5 หมู่ และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอหลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยแต่หากมีความจำเป็นที่ต้องใกล้ชิดกับผู้ป่วยจะต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาร่วมกับล้างมือก่อนและหลังสัมผัสผู้ป่วยหรือของใช้ของผู้ป่วยอย่าใช้สิ่งของร่วมกับผู้ป่วย โดยเฉพาะของใช้ส่วนวตัว เช่น แก้วน้ำ ผ้าเช็ดหน้า เป็นต้น

สถานการณ์คุณภาพอากาศ PM 2.5 จังหวัดนครราชสีมา ข้อมูล ณ วันที่ 27 กุมภาพั...

ฝุ่น PM2.5 คืออะไรฝุ่น PM2.5 คือ ฝุ่นละอองที่มีขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน หรือมีขนาดประมาณ 1 ใน 25 ของเส้นผ่านศูนย์กลางของเส้นผมมนุษย์ฝุ่นขนาดเล็กจิ๋วนี้ เกิดขึ้นจากกิจกรรมหลายชนิด อาทิเช่น การเผาไหม้ของเครื่องยนต์ และการก่อสร้าง ซึ่งเป็น 2 สาเหตุหลักของมลพิษทางอากาศในเมืองใหญ่ฝุ่น PM2.5 เป็นอันตรายต่อสุขภาพ เพราะสามารถเดินทางผ่านทางเดินหายใจสู่ปอดและกระแสเลือดได้ง่าย เพิ่มโอกาสของโรคหัวใจและโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ และต้องป้องกันด้วยการสวมใส่หน้ากากอนามัยที่ได้มาตรฐานป้องกันฝุ่นขนาดเล็กโดยเฉพาะ

สถานการณ์คุณภาพอากาศ PM 2.5 จังหวัดนครราชสีมา ข้อมูล ณ วันที่ 26 กุมภาพั...

ฝุ่น PM2.5 คืออะไรฝุ่น PM2.5 คือ ฝุ่นละอองที่มีขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน หรือมีขนาดประมาณ 1 ใน 25 ของเส้นผ่านศูนย์กลางของเส้นผมมนุษย์ฝุ่นขนาดเล็กจิ๋วนี้ เกิดขึ้นจากกิจกรรมหลายชนิด อาทิเช่น การเผาไหม้ของเครื่องยนต์ และการก่อสร้าง ซึ่งเป็น 2 สาเหตุหลักของมลพิษทางอากาศในเมืองใหญ่ฝุ่น PM2.5 เป็นอันตรายต่อสุขภาพ เพราะสามารถเดินทางผ่านทางเดินหายใจสู่ปอดและกระแสเลือดได้ง่าย เพิ่มโอกาสของโรคหัวใจและโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ และต้องป้องกันด้วยการสวมใส่หน้ากากอนามัยที่ได้มาตรฐานป้องกันฝุ่นขนาดเล็กโดยเฉพาะ

สถานการณ์คุณภาพอากาศ PM 2.5 จังหวัดนครราชสีมา ข้อมูล ณ วันที่ 25 กุมภาพั...

ฝุ่น PM2.5 คืออะไรฝุ่น PM2.5 คือ ฝุ่นละอองที่มีขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน หรือมีขนาดประมาณ 1 ใน 25 ของเส้นผ่านศูนย์กลางของเส้นผมมนุษย์ฝุ่นขนาดเล็กจิ๋วนี้ เกิดขึ้นจากกิจกรรมหลายชนิด อาทิเช่น การเผาไหม้ของเครื่องยนต์ และการก่อสร้าง ซึ่งเป็น 2 สาเหตุหลักของมลพิษทางอากาศในเมืองใหญ่ฝุ่น PM2.5 เป็นอันตรายต่อสุขภาพ เพราะสามารถเดินทางผ่านทางเดินหายใจสู่ปอดและกระแสเลือดได้ง่าย เพิ่มโอกาสของโรคหัวใจและโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ และต้องป้องกันด้วยการสวมใส่หน้ากากอนามัยที่ได้มาตรฐานป้องกันฝุ่นขนาดเล็กโดยเฉพาะ

สถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่ วันที่ 1 มกราคม ถึง 24 กุุมภาพันธ์ 2568

ไข้หวัดใหญ่ (Influenza)โรคไข้หวัดใหญ่ เป็นโรคติดเชื้อไวรัสในระบบทางเดินหายใจ รวมถึงจมูก ลําคอ และปอด โดยเป็นคนละสายพันธุ์กับไวรัสซึ่งทำให้เกิดโรคไวรัสลงกระเพาะอาหาร อันเป็นสาเหตุของอาการท้องเสียและอาเจียนโดยปกติแล้วผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สามารถหายได้เอง แต่ในบางครั้งอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนทำให้ถึงแก่ชีวิต

ขอขอบพระคุณ คุณเรณุมาศ จักร์พิมพ์และคุณรักษ์ฤมล เจียกโคกกรวด

#โรงพยาบาลห้วยแถลง ขอขอบพระคุณ คุณเรณุมาศ จักร์พิมพ์และคุณรักษ์ฤมล เจียกโคกกรวด บริจาคข้าวสาร 40 กิโลกรัมและน้ำดื่ม 12 แพ็ค ให้โรงพยาบาลห้วยแถลง

สถานการณ์คุณภาพอากาศ PM 2.5 จังหวัดนครราชสีมา

ฝุ่น PM2.5 คืออะไรฝุ่น PM2.5 คือ ฝุ่นละอองที่มีขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน หรือมีขนาดประมาณ 1 ใน 25 ของเส้นผ่านศูนย์กลางของเส้นผมมนุษย์ฝุ่นขนาดเล็กจิ๋วนี้ เกิดขึ้นจากกิจกรรมหลายชนิด อาทิเช่น การเผาไหม้ของเครื่องยนต์ และการก่อสร้าง ซึ่งเป็น 2 สาเหตุหลักของมลพิษทางอากาศในเมืองใหญ่ฝุ่น PM2.5 เป็นอันตรายต่อสุขภาพ เพราะสามารถเดินทางผ่านทางเดินหายใจสู่ปอดและกระแสเลือดได้ง่าย เพิ่มโอกาสของโรคหัวใจและโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ และต้องป้องกันด้วยการสวมใส่หน้ากากอนามัยที่ได้มาตรฐานป้องกันฝุ่นขนาดเล็กโดยเฉพาะ